วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2559

อยากเขียนนิยาย เริ่มต้นตรงไหนดี??

อยากเขียนนิยาย เริ่มต้นตรงไหนดี??



1. ตัดสินใจว่าจะเขียนเรื่องแนวไหน?ควรเป็นแนวที่ตัวเองชอบและถนัดและควรมีความรู้ในเรื่องที่จะเขียนอยู่บ้าง ควรเริ่มจากสิ่งที่ตัวเองรักเสียก่อน อย่าเพิ่งมองหาผลประโยชน์หรือกำไรที่จะได้รับ


2. วางแผนตัวละคร?จะต้องมีการอธิบายถึงตัวละครว่ามีตัวใดบ้าง ลักษณะนิสัย บุคลิกของแต่ละตัวเป็นอย่างไร การกระทำที่เป็นจุดเด่นของตัวละครนั้นๆ รวมไปถึง ชื่อ อายุ เพศ ของตัวละครแต่ละตัว และความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัวด้วย


3. การดำเนินเรื่อง?จะต้องมีการวางโครงเรื่องไว้ก่อนเป็นตอนๆไป ว่าจะให้มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นบ้าง ตัวละครตัวใดมีสวนในเหตุการณ์นั้น รวมไปถึง เวลา สถานที่ในการเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งควรวางโครงเรื่องให้สมเหตุสมผล ราบรื่น สามารถแต่งต่อขยายความต่อไปได้ และอาจมีเหตุการณ์ที่เป็นปมปริศนา เพื่อให้เรื่องดูน่าติดตามด้วย


4. เริ่มเขียนเนื้อเรื่อง?โดยการขยายความจากโครงเรื่องที่วางไว้ ใส่อารมณ์ต่างๆเข้าไปให้กับตัวละคร ส่วนนี้ต้องให้จินตนาการ และอารมณ์ในการสร้างเรื่องให้น่าติดตามไปจนจบเรื่อง


5. การขัดเกลา?หลังจากเขียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรมีการอ่านซ้ำและขัดเกลาคำพูดต่างๆให้สละสลวยยิ่งขึ้น ควรใช้คำภาษาให้ถูกต้อง เพื่อเป็นการอนุรักษ์ภาษาด้วย


6. การตั้งชื่อเรื่อง?เมื่อเขียนจนจบ ขัดเกลาเรียบร้อยแล้ว การตั้งชื่อเรื่องก็เป็นส่วนที่สำคัญยิ่งควรตั้งให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่อง และควรเป็นข้อความที่เข้าใจง่าย อ่านแล้วทำให้รู้สึกอยากเปิดอ่านเนื้อเรื่องด้านใน ซึ่งการตั้งชื่อเรื่องนี้ ถือได้ว่าเป็นหน้าตาของนิยายเลยก็ว่าได้ ถ้าชื่อเรื่องดี ก็จะทำให้นิยายนั้นน่าหยิบขึ้นมาอ่าน


เทคนิคสำคัญ?คือ การใส่อารมณ์ความรู้สึกเข้าไปให้กับตัวละคร ให้ผู้อ่านรู้สึกได้ถึงความมีชีวิตชีวา และการวางโครงเรื่องให้น่าติดตามจนจบเรื่อง ควรเริ่มต้นเขียนด้วยใจรักก่อนที่จะคิดแสวงหาผลกำไรจากเรื่องที่เขียน แล้ว นิยาย ที่คุณเขียนนั้นจะออกมาดีเอง


ที่มา thaieditorial.com

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559

Yuri คืออะไร?

Yuri คืออะไร?

การ์ตูน Yuri คืออะไร?
คือการ์ตูน ที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงเพศเดียวกันในลักษณะตั้งแต่มิตรภาพความผูกพันธ์ระหว่างกัน (tender relationship หรือ intense emotional connections) ความรักที่โรแมนติค ( romantic love ) ไปจนกระทั่งถึงการมีสัมพันธ์ทางกายร่วมกันระหว่างเพศหญิงอย่างเด่นชัด ( explicit sex scenes )

ความหมาย ของ Yuri
Yuri มาจากภาษาญี่ปุ่นที่หมายถึง ดอกลิลลี่ และสามารถใช้ตั้งเป็นชื่อเด็กผู้หญิงได้อีกด้วย แต่ในปัจจุบัน สื่อทางตะวันตก (หรือประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่) ได้นำคำนี้มาใช้อย่างแพร่หลายในลักษณะที่แสดงถึงความสัมพันธ์ของเลสเบี้ยน ทั้งในหนังสือการ์ตูน อนิเม ฟิคชั่น เกม
แต่ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่น คำนี้เสมือนเป็นแสลงที่ไว้ใช้เฉพาะคนในวงการของ อนิเม และหนังสือการ์ตูนเท่านั้น ดังนั้นคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะไม่เข้าใจว่าแสลงของ Yuri นั้นแท้จริงคืออะไร



ต้นกำเนิดของ Yuri
แรกเริ่มการใช้คำนี้มาจากนาย Bongaku Itou ดำรงตำแหน่งบรรณาธิการนิตยสารเกย์Barazoku โดยที่พวกผู้ชายที่เป็นเกย์(กลุ่ม Boys' love)ใช้สัญลักษณ์ของกลุ่มคือ กุหลาบ(Bara) ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่าฝ่าย Girls' love ก็ควรใช้สัญลักษณ์ของกลุ่มว่า Yuri (ดอกลิลลี่) แม้นว่าการแต่งตั้งเช่นนี้ของเขาจะไม่ได้รับความเห็นชอบจากบรรดาสาวเลสเบี้ยนญี่ปุ่นทั้งหลาย

ตั้งแต่นั้นมา ตามงานการ์ตูนแนวHentai (การ์ตูนโป๊ประเภทหนึ่ง) หรือโดจินฉิ (การ์ตูนล้อเลียน การ์ตูนทำมือ ที่ไม่ได้ตีพิมพ์แบบ Commercial Marketl )ทั้งหลาย จึงปรากฎชื่อของฝ่ายหญิงที่มีตัวเอกชื่อ Yuri หรือ Yuriko (รวมทั้ง Sayuri หรือ Yurika ด้วย) และโดยเฉพาะคู่ที่นิยมในสมัยก่อนคือ คู่ของ Yuri และ Kei จากอนิเมเรื่อง Dirty pair และต่อมา คำว่า Yuri ได้ถูกแพร่หลายไปยัง อเมริกาและยุโรป







ที่มา http://my.dek-d.com/mintbest/blog/?blog_id=380600

Yaoi คืออะไร?

Yaoi คืออะไร?
Yaoi ยะโอะอิ เป็นคำศัพท์ที่มีต้นกำเนิดมาจากญี่ปุ่น ใช้ในวงการนิยายและการ์ตูน เริ่มแรกเดิมทีคำนี้ หมายถึง ประเภทหนึ่งของงานโดจินชิซึ่งเป็นผลงานล้อเลียนมังงะหรืออะนิเมะที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนั้น แต่ปัจจุบันความหมายได้เปลี่ยนไป กลายเป็นลักษณะความสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศเชิงอีโรติกหรือโรแมนติกระหว่างชายกับชาย ซึ่งอยู่ในรูปแบบของมังงะ อะนิเมะ เกม นิยาย และ โดจินชิ

ต่อมาในญี่ปุ่นได้เกิดคำศัพท์ใหม่แทนที่ยะโอะอิ คือคำว่า บอยส์เลิฟ (Boy's Love) แม้ชื่อจะบอกว่าเป็นความรักของเด็กหนุ่ม แต่ในความเป็นจริงแล้วสามารถใช้ได้กว้างตั้งแต่เรื่องราวระหว่างวัยรุ่นไปจนถึงคนสูงวัย แต่มีศัพท์เฉพาะ คือ ความสัมพันธ์กับชายวัยเยาว์ เรียก โชะตะคอน ถ้าเป็นชายสูงอายุเรียก โอจิคอน ส่วนในต่างประเทศเช่น สหรัฐอเมริกา ไทย ยังคงนิยมใช้คำว่า ยะโอะอิ

คำว่า yaoi กำเนิดครั้งแรงช่วงปลายยุค 70 โดยซาคาตะ ยาซุโกะและฮัตสุ รินโกะ ที่ต้องการล้อเลียนโครงสร้างของงานเขียนโคลงจีนยุคเก่าซึ่งต้องประกอบด้วย ki (introduction บทนำ), syo (development ดำเนินเรื่อง), ten (transition จุดผกผัน), และ ketsu (conclusion บทสรุป) โดยสร้างงานที่
Yamanashi (no climax-ไม่มีไคลแมกซ์)
Ochinashi (no point-ไม่มีประเด็น)
Iminashi (no meaning-ไม่มีความหมาย)
กลายมาเป็นงานโดจินชิที่ชื่อ Loveri

ต่อมาในยุค 80 คำว่า yaoi ได้หมายความถึงงานการ์ตูนล้อเลียนที่มีผู้ชายสองคนเป็นตัวเอกและเน้นความสัมพันธ์ทางเพศเป็นเนื้อหาหลัก ส่วน shonenai หมายถึงการ์ตูนที่มีผู้ชายสองคนเช่นกัน แต่เน้นความรักโรแมนติกและน่ารักอ่อนโยนกว่า ทั้ง yaoi และ shonenai ไม่ใช่การ์ตูนที่กล่าวถึงความรักของ เกย์ เลย แต่เป็นรูปแบบหนึ่งของความรักที่ "เหนือ" กว่าความรักระหว่างคนต่างเพศทั่วไป

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ต้นกำเนิดของความสัมพันธ์แบบชายกับชายในการ์ตูนไม่ได้เกิดในดงโดจินชิเป็นที่แรก แต่กลับเกิดในงานการ์ตูนที่มีพิมพ์ขายแบบเป็นล่ำเป็นสัน เรื่องนั้นคือ Kaza to Ki no Uta หรือ A Poem of Wind and Trees งานเขียนของทาเคมิยะ เคย์โกะ ซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสารการ์ตูนผู้หญิงในปี 1976 เรื่องนี้เป็นเรื่องของกิลเบิร์ต คอคโต เด็กหนุ่มรูปงามในโรงเรียนประจำแห่งหนึ่งที่มีอันต้องร่วมหอลงเตียงกับเพื่อนหนุ่มรูมเมท



ต่อมาในปี 1978 นิตยสาร Comic June (อ่านว่าจู-เน่) ได้วางแผงช่วงเวลาเดียวกับที่กลุ่มของซาคาตะคิดค้นคำว่า yaoi ถือเป็นนิตยสารเล่มแรกที่มีแต่เรื่องชายกับชาย




ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A2%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B4

เคะ เมะ เซะ คืออะไร?

เคะ เมะ เซะ คืออะไร?

มันมาจากการ์ตูนอะนิเมะของญี่ปุ่นแนว ญ รัก ญ หรือ ยูริ (Yuri)

- เมะ (Seme) = ฝ่าย ช/รุก/คิง
- เคะ (Uke) = ฝ่าย ญ/รับ/ควีน
- เซะ (เสะ)  มีความหมายเดียวกับคำว่า เมะ มาจาก เซะเมะ (Seme) = ฝ่าย ช/รุก
   บางคนให้นิยามว่า เซะ (Se) = ทั้งรุกและรับ/ทูเวย์
««««««««««««
攻める (semeru) = โจมตี      >>> เซเมะรุ > เซเมะ > เมะ

受ける (ukeru) = โดนโจมตี   >>> อุเคะรุ > อุเคะ > เคะ

ปัจจุบันใช้เรียกการ์ตูนเเนวรักร่วมเพศทั้ง Yuri และ Yaoi

Yuri



------------------------------


Yaoi